วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ความเชื่อฟัง


              นิทานเรื่องที่ ๔  เรียกว่า  เรื่อง "ความเชื่อฟัง"  ธยานาจารย์  ชื่อเบ็งกะอี  เป็นผู้มีชื่อเสียงในการเทศนาธรรม;  คนที่มาฟังท่านนั้น  ไม่ใช่เฉพาะแต่ในวงการเซ็น;  พวกนิกายอื่น  หรือคนสังคมอื่นก็มาฟังกัน;  ชนชั้นไหนๆก็มาฟัง  เพราะว่าท่านไม่ได้เอาถ้อยคำในพระคัมภีร์  หรือในหนังสือหรือในพระไตรปิฎกมาพูด  แต่ว่าคำพูดทุกคำนั้น  มันหลั่งไหลออกมาจากความรู้สึกในใจของท่านเองแท้ๆ  ผลมันจึงเกิดว่า  คนฟังเข้าใจหรือชอบใจ  แห่กันมาฟังจนทำให้วัดอื่นร่อยหรอคนฟัง  เป็นเหตุให้ภิกษุรูปหนึ่ง  ในนิกายนิชิเรน  โกรธมาก  คิดจะทำลายล้างอาจารย์เบ็งกะอีคนนี้อยู่เสมอ  วันหนึ่ง  ในขณะที่ท่านองค์นี้กำลังแสดงธรรมอยู่ในที่ประชุม  พระที่เห็นแก่ตัวจัดองค์นั้นก็มาทีเดียว  หยุดยืนอยู่หน้าศาลาแล้วตะโกนว่า  เฮ้ย!  อาจารย์เซ็น  หยุดประเดี๋ยวก่อน  ฟังฉันก่อน  ใครก็ตามที่เคารพท่าน  จะต้องเชื่อฟังคำที่ท่านพูด;  แต่ว่าคนอย่างฉันนี้ไม่มีวันที่จะเคารพท่าน; ท่านจะทำอย่างไร  ที่จะทำให้ฉันเคารพเชื่อฟังท่านได้ เมื่อภิกษุอวดดีองค์นั้น  ร้องท้าไปตั้งแต่ชายคาริมศาลา  ท่านอาจารย์เบ็งกะอีก็ว่า  มาซี  ขึ้นมานี่  มายืนข้างๆฉันซี  แล้วฉันจะทำให้ดูว่า  จะทำอย่างไร  พระภิกษุนั้น  ก็ก้าวพรวดพราดขึ้นไปด้วยความทะนงใจ ฝ่าฝูงคนขึ้นไปยืนหราอยู่ข้างๆท่านอาจารย์เบ็งกะอี  ท่านอาจารย์เบ็งกะอีก็ว่า  ยังไม่เหมาะมายืนซ้ายดีกว่า  พระองค์นั้นก็ผลุนมาทีเดียว  มาอยู่ข้างซ้าย  ท่านอาจารย์ก็บอกอีกว่า  อ๋อ!  ถ้าจะพูดให้ถนัดต้องอย่างนี้  ต้องข้างขวา  พระองค์นั้นก็ผลุนมาทางขวา  พร้อมกับมีท่าทางผยองอย่างยิ่ง  พร้อมที่จะท้าทายอยู่เสมอ  ท่านอาจารย์เบ็งกะอีจึงว่าเห็นไหมหล่ะ  ท่านกำลังเชื่อฟังฉันอย่างยิ่ง  และในฐานะที่ท่านเชื่อฟังอย่างยิ่งแล้ว  ฉะนั้นท่านจงนั่งลงฟังเทศน์เถิด  นี่เรื่องก็จบลง
               นิทานอีสปเรื่องนี้  มันสอนว่าอย่างไร  เหมือนพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า  นิวาโต  เอตมมงคลมุตตม  วาโต  ก็เหมือนกะสูบลมอัดเบ่งจนพอง;  ถ้านิวาโต  ก็คือไม่พองไม่ผยอง  เป็นมงคลอย่างยิ่ง  ข้อนี้ย่อมแสดงว่า  มีวิชาความรู้อย่างเดียวนั้นไม่พอ  ยังต้องการไหวพริบ  และปฎิภาณอีกส่วนหนึ่ง;  พระองค์นี้ก็เก่งกาจของนิกายนิชิเรน  ในญี่ปุ่น  แต่มาพ่ายแพ้อาจารย์ที่แทบจะไม่รู้หนังสือ  เช่นนี้  ซึ่งพูดอะไรก็ไม่ขาดอะไรก็ลองคิดดู  พวกฝรั่งก็ยังพูดว่า  Be wish in time  ฉลาดให้ทันเวลาโดยกระทันหัน  ซึ่งบาลีก็มีว่า "ขโณ  มา  โว  อุปจจคา"  ขณะสำคัญเพียงนิดหนึ่ง  นิดเดียวเท่านั้น  อย่าได้ผ่านไปเสียนะ  ถ้าผ่านไปละก็แย่เลยทีเดียว  นี้เรียกว่ามันเป็นปฎิภาณ  ปฎิภาณที่ครูบาอาจารย์จะต้องมีอย่างยิ่ง  มิฉะนั้นจะควบคุมเด็กไม่อยู่  เราลองคิดดูซิว่า  เด็กๆของเรามีปฎิภาณเท่าไร  เราเองมีปฎิภาณเท่าไร  มันจะสู้กันได้ไหม;  ลองเทียบ I.Q. ในเรื่องนี้กันดู  ซึ่งเกี่ยวกับปฎิภาณนี้  ถ้าครูบาอาจารย์เรามี I.Q. ในปฎิภาณนี้ ๕ เท่าของเด็กๆ  คือเหนือเด็กห้าเท่าตัว  ก็ควรจะได้รับเงินเดือนห้าเท่าตัวของที่ควรจะได้รับ;  หรือว่าใครอยากจะเอาสักกี่เท่าก็เร่งเพิ่มมันขึ้น  ให้มีปฎิภาณไหวพริบ  จนสามารถสอนเด็กให้เข้าใจเรื่องกรรม  เรื่องอนัตตา  เรื่องนิพพาน  ได้อย่างไรทีเดียว  นี่คือข้อที่จะต้องอาศัยปฎิภาณ  ซึ่งวันหลังก็คงจะได้พูดกันถึงเรื่องนี้บ้าง

:,มหรสพทางวิญญาณเพื่อจริยธรรม  นิทานเซ็น  เล่าโดย..ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกขพลาราม   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น