เรื่องที่ ๒ เรื่อง "เพชรที่หาได้จากโคลนในถิ่นสลัม" อาตมาต้องขอใช้คำอย่างนี้ เพราะไม่ทราบว่าจะใช้คำอย่างไรดี ที่จะให้รวดเร็วและสั้นๆท่านจะรู้สึกอย่างไรก้อตามใจที่จะต้องใช้คำอย่างนี้ "เพชรที่หาพบจากโคลนในถิ่นสลัม" เรื่องนี้ก้อเล่าว่า อาจารย์แห่งนิกายเซ็น ชื่อ กูโด เป็นอาจารย์ของจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นในสมัยนั้น ท่านอาจารย์องค์นี้ชอบเที่ยวไปไหนคนเดียวโดดๆอย่างนักบวชเร่ร่อนแบบปริพพาชก ไม่ค่อยได้อยู่กับวัดวาอาราม ครั้งหนึ่งท่านเดินทางไปยังตำบลอีโด เพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งของท่านที่จะมีแก่คนอื่น ท่านได้ผ่านตำบลๆหนึ่ง เย็นวันนั้นฝนก็ตกมา ท่านจึงเปียกปอนไปหมด และรองเท้าของท่านที่ใช้ เป็นรองเท้าที่ทำด้วยฟาง เพราะนักบวชนิกายเซ็นใช้รองเท้าฟางถักทั้งนั้น เมื่อฝนตกตลอดวัน รองเท้าก้อขาดยุ่ยไปหมด ท่านจึงเหลียวดูว่า จะมีอะไรที่ไหนจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้บ้าง ก็พบกระท่อมน้อยๆแห่งหนึางในถิ่นใกล้ๆนั้น เห็นรองเท้าฟางมีแขวนอยู่ด้วย ก็คิดจะไปซื้อสักคู่นึง เอาแห้งๆมาใส่เพื่อเดินทางต่อไป หญิงเจ้าของบ้านนั้นเขาถวาย เลยไม่ต้องซื้อ; และเมื่อเห็นว่าเปียกปอนมาก ก็เลยขอนิมนต์ให้หยุดอยู่ก่อน เพราะฝนตกจนค่ำ ท่านก็เลยต้องพักอยู่ที่บ้านนั้น ด้วยคำขอร้องของหญิงเจ้าของบ้าน
หญิงเจ้าของบ้านเรียกเด็กๆและญาติๆมาสนทนาด้วยท่านอาจารย์; ท่านได้สังเกตเห็นว่า สกุลนี้เป็นอยู่ด้วยความข้นแค้นที่สุด ก็เลยขอร้องให้บอกเล่าตรงๆโดยไม่ต้องเกรงใจ ว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกัน หญิงเจ้าของบ้านก้อบอกว่า "สามีของดิฉันเป็นนักการพนัน แล้วก็ดื่มจัด ถ้าเผอิญเค้าชนะ เขาก็จะดื่มมันจนไม่มีอะไรเหลือ ถ้าเขาแพ้ เขาก็ยืมเงินคนอื่นเล่นอีก เพิ่มหนี้สินให้มากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยมาบ้านเลย เป็นวันเป็นคืน หรือหลายวันหลายคืนก็ยังมี; ดิฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี"
ท่านอาจารย์กูโดว่า ไม่ต้องทำหรอก ฉันจะช่วยทำ แล้วก็ว่า นี่ฉันมีเงินมาบ้าง ช่วยให้ซื้อเหล้าองุ่นมาให้เหยือกใหญ่ๆเหยือกหนึ่ง แล้วก็อะไรๆที่ดีๆที่น่ากินเอามาให้เป็นจำนวนเพียงพอ เอามาวางที่นี่แล้วก็กลับไปทำงานตามเรื่องเถอะ ฉันจะนั่งอยู่ที่นี่ตรงหน้าที่บูชา ข้อนี้หมายความว่าบ้านนั้นก็มีหิ้งบูชาพระ เมื่อผู้ชายคนนั้นกลับมาบ้าน เวลาดึก เขาก็เมา เขาก็พูดตามประสาคนเมา นี่คำนี้จะแปลว่ายังไง; Hey! wife; ก็ต้องแปลว่า เมียโว้ย มาบ้านแล้วโว้ย; มีอะไรกินบ้างโว้ย ตัวหนังสือเค้าเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันก็เหมือนๆกับเมืองไทยเรานี้เอง นี่ลองคิดดูว่าคนๆนี้จะเป็นอย่างไร; ฉะนั้นกูโดท่านอาจารย์ที่นั่งที่หน้าหิ้งก็ออกรับหน้า บอกว่า ฉันได้มีทุกอย่างสำหรับท่านเผอิญฉันมาติดฝนอยู่ที่นี่ ภรรยาของท่านเขาขอร้องให้ฉันพักค้างฝนที่นี่ตลอดคืนนี้ ฉันก็ควรจะมีส่วนตอบแทนท่านบ้าง; ฉะนั้นขอให้ท่านบริโภคสิ่งเหล่านี้ตามชอบใจ ชายคนนั้นดีใจใหญ่; มีทั้งเหล้าองุ่น มีทั้งปลา มีทั้งอาหารต่างๆ; เขาก็ดื่มและรับประทานจนนอนหลับไปไม่รู้สึกตัว อยู่ตรงข้างๆเข่าของท่านอาจารย์กูโด ที่นั่งสมาธิ ตลอดคืนนั้นเหมือนกัน ทีนี้พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า ชายคนนั้นก็ลืมหมดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะเมื่อคืนนี้เขาเมาเต็มที่; และถามว่าท่านเป็นใคร และจะไปข้างไหน ท่านอาจารย์ก็ตอบว่า อ๋อ! อาตมาคือกูโด แห่งนครกโยโต (Kyoto เกียวโต); กำลังจะไปธุระที่ตำบลอิโด; ตามเรื่องที่ว่ามาแล้วเมื่อกี้นี้ ถ้อยคำอย่างนี้มันประหลาด ที่ว่าบางครั้งก็มีอิทธิพลมากมาย คือว่าชายคนนั้นละอายจนเหลือที่จะรู้ว่าจะอยู่ที่ไหน จะแทรกแผ่นดินหนีไปที่ไหน ก็ทำไม่ไหว แทรกไปไม่ได้ มันละอายถึงขนาดอย่างนั้นแล้วก็ขอโทษขอโพย ขอแล้วขออีกจนไม่รู้จะขออย่างไร ต่ออาจารย์ของพระจักรพรรดิ ซึ่งจับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ที่บ้านเขา ท่านกูโดก็ยิ้มละไมอยู่เรื่อย แล้วก็พูดขึ้นช้าๆบอกว่า "ทุกอย่างในชีวิตมันเปลี่ยนแปลงเรื่อย เป็นกระแสไหลเชี่ยวไปทีเดียว; และทั้งชีวิตนี้มันก้อสั้นเหลือเกินด้วย; ถ้ายังเล่นการพนันและดื่มอยู่ดังนี้ ก็หมดเวลาที่จะทำอะไรอื่นให้เกิดขึ้นหรือสำเร็จได้; นอกจากทำตัวเองให้เป็นทุกข์แล้ว ก็จะทำให้ครอบครัวพลอยตกนรกทั้งเป็นกันไปด้วย" ความรู้สึกอันนี้ได้ประทับใจนายคนนั้น มีอาการเหมือนกับว่า ตื่นขึ้นมาในโลกอื่น เหมือนกับตื่นขึ้นมาจากความฝัน; ในที่สุดก็พูดกับท่านอาจารย์ว่า ทีี่ท่านอาจารย์กล่าวนั้นมันถูกหมดเลย มันถูกอย่างยิ่ง; ถ้าอย่างไรก็ขอให้กระผมได้สนองพระคุณอาจารย์ในคำสอนที่ประเสริฐนี้ เพราะฉะนั้นขอให้กระผมออกติดตามท่านอาจารย์ ไปส่งท่านอาจารย์ในการเดินทางนี้ สักระยะหนึ่ง ท่านอาจารย์กูโดก้อบอกว่าตามใจ สองคนก็ออกเดินทางไปได้ประมาณ ๓ ไมล์ ท่านอาจารย์ก็บอกว่ากลับเถอะ; นายคนนี้ก็บอกขออีกสัก ๕ ไมล์เถอะ; ขยั้นขยอขอไปอีก ๕ ไมล์ แล้วก็ไปด้วยกันอีก พอครบ ๕ ไมล์ อาจารย์ขยั้นขยอให้กลับอีก ว่าถึงคราวที่ต้องกลับแล้ว; นายคนนั้นก็บอกว่าขออีกสัก ๑๐ ไมล์เถอะ; ในที่สุดก็ต้องยอม พอถึง ๑๐ ไมล์ท่านอาจารย์ขยั้นขยอให้กลับ เขาก็ว่าขอตลอดชีวิตของผมเถอะ; นี่ก็เป็นอันว่า ไปกับท่านอาจารย์ ไปเป็นนักบวชแห่งนิกายเซ็น ซึ่งต่อมาก็เป็นปรมาจารย์พุทธศาสนาแห่งนิกายเซ็นในญี่ปุ่น นิกายเซ็นทุกสาขาที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่นในทุกวันนี้ออกมาจากอาจารย์องค์นี้องค์เดียวเท่านั้น ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ที่สืบมาจากอาจารย์องค์นี้องค์เดียว ท่านกลับตัวชนิดที่เราเรียกกันว่า เพชรที่พบจากโคลนในถิ่นสลัม นี้เป็นอย่างไรบ้างก็ลองคิดดู ในประเทศญี่ปุ่นนายกรัฐมนตรบางคนก็มาจากเด้กขายน้ำเต้าหู้; หาบเต้าหู้ขายจนมีสตางค์ จนไปเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์; จากเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ ก็เป็นนักเขียนหนังสือพิมพ์น้อยๆสั้นๆ; และเขื่องขึ้นๆจนเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงและไปเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหนึ่งในที่สุด นี่เราจะบอกเด็กๆตาดำๆ ของเราว่า สิ่งต่างๆนั้นเปลี่ยนแปลงได้ถึงอย่างนี้กันสักทีจะได้ไหม เด็กๆเขาจะมีความรู้สึกอย่างไรในฐานะของเขา เขาจะทำตัวให้เป็นเหมือนกับ "เพชรที่พบในโคลนจากถิ่นสลัม" ได้อย่างไร โดยมากเขามักจะขายตนเองเสียถูกๆ จนเป็นเหตุให้เขาวกไปหาความสุขทางเนื้อทางหนังต่ำๆเตี้ยๆไม่น่าดูนั้น ก็เพราะว่าเขาเป็นคนที่ไม่เคารพตัวเอง ท้อถอยต่อการที่จะคิดว่ามันจะเป็นได้มากอย่างนี้
พระพุทธเจ้าท่านก็ยังตรัสว่า เกิดมาเป็นคนนี่ไม่ควรให้ตัวเอง; "อตตาน น ทเทยยโปโส" แปลว่า เป็นลูกผู้ชาย เป็นบุรุษ ไม่ควรให้ซึ่งตน ให้ซึ่งตนนี้ หมายความว่ายกตนให้เสียแก่กิเลสหรือธรรมชาติฝ่ายต่ำ มันก็ไม่ได้คิดที่จะมีอะไรที่ใหญ่โตมั่นคง ที่จะเป็นนั่นเป็นนี่ให้จริงจังได้ ข้อนี้เรียกว่าเราควรจะถือเป็นหลักจริยธรรมข้อหนึ่งด้วยเหมือนกัน
:,มหรสพทางวิญญาณเพื่อจริยธรรม นิทานเซ็น เล่าโดย..ท่านพุทธทาสภิกขุแห่งสวนโมกขพลาราม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น